จ่อบินไปสอบดาราไต้หวัน ประสานกองการต่างประเทศคลายกังขา

คดีดาราสาวไต้หวันกล่าวหาตำรวจห้วยขวางรีดทรัพย์เริ่มอืด โฆษก ตร.ขอเวลาทำงาน 1-2 วัน ผบก.น.1 ยังส่งตำรวจชุดสืบสวนลงไปหาพยานหลักฐานต่อไป พร้อมเก็บทุกโพสต์ข้อความของดาราสาวไต้หวันเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป ผบช.น.เรียกชุดคลี่คลายคดีประชุมเครียดกว่า 2 ชม. เร่งรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด เพื่อสรุปผลการสืบสวน ยันไต้หวันไม่มีเครือข่ายตำรวจสากล ตั้งกรรมการสอบชุดจับกุมประเด็นไม่ดำเนินคดีบุหรี่ไฟฟ้า สืบนครบาลเร่งเครื่อง “ผู้การจ๋อ” เรียกร้อง ดาราสาวเข้าให้การ พร้อมอำนวยความสะดวกเต็มที่ รวมทั้งเดินทางไปสอบปากคำถึงไต้หวัน

กรณี น.ส.อัน หยู ฉิง หรือชาร์ลีน อัน ดาราสาวและเน็ตไอดอลชาวไต้หวัน โพสต์อินสตาแกรม (ไอจี) แฉถูกตำรวจตั้งด่านตรวจใกล้สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน เรียกตรวจหนังสือเดินทางกล่าวหาว่า ไม่มีวีซ่า ทั้งที่เข้าเมืองด้วยวีซ่าแบบ ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ VOA (Visa on arrival) หลังพูดคุยไม่ค่อยรู้เรื่องยังถูกรีดเงินไป 27,000 บาทจนกลายเป็นข่าวครึกโครม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจ นครบาล (บช.น.) ตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากกระทบการท่องเที่ยว พบตำรวจ สน.ห้วยขวาง 7 นายตั้งด่านที่จุดดังกล่าวและเรียกตรวจดาราสาวกับเพื่อนชาวไต้หวันจริง แต่ไม่ได้รีดเอาทรัพย์สิน ติดตามโชเฟอร์แท็กซี่ 2 คนที่ขับรถไปส่งดาราสาวกับเพื่อนวันเกิดเหตุมาสอบสวนแล้ว ยืนยันว่าผู้เสียหายเมามาก และไม่เห็นตำรวจเรียกรับเงิน ขณะที่ดาราสาวตอบโต้ข้ามประเทศ ยืนยันว่าตำรวจไทยโกหก และขอความช่วยเหลือไปยังตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) แล้ว

ความคืบหน้าจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 ม.ค. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งการให้กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) ลงพื้นที่รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อให้ความกระจ่างชัดในคดีนี้แล้ว อย่างไรก็ตามหลังจากสอบปากคำคนขับรถแท็กซี่ทั้ง 2 คน เจ้าหน้าที่รวบรวมคำให้การไว้เป็นหลักฐาน ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานสักระยะ คาดว่าใช้เวลา 1-2 วันจะมีความชัดเจนมากขึ้น

ต่อมาเวลา 12.30 น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 เผยว่า มอบหมายงานให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด กล้องหน้ารถ รวมถึงหาพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ส่งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ตรวจสอบแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำงานของเจ้าหน้าที่ อย่างไร ก็ตามภาพวงจรปิดที่ถูกเปิดเผยผ่านสื่อ

ต้องขอตรวจสอบก่อนว่ามีการตัดต่อหรือไม่ เบื้องต้นทราบว่า เป็นภาพกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานคร ส่วนเรื่องผู้ชายชาวจีน 3 คน ที่มากับดาราสาวไต้หวัน ขณะนี้ตำรวจยังอยู่ระหว่างการติดตามตัว ยังไม่ทราบชื่อ และกล้องวงจรปิดปรากฏหน้าไม่ชัด ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

“จากการโพสต์ข้อความของดาราสาวไต้หวันนั้น ตำรวจไม่สามารถห้ามการโพสต์ข้อความได้ แต่เจ้าหน้าที่เก็บรวบรวมทุกข้อความการโพสต์ไว้เป็นพยานหลักฐานแล้ว ส่วนตำรวจจะหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมพยานหลักฐานอื่นๆมาเป็นเครื่องยืนยัน และพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเหตุการณ์นี้” ผบก.น.1 กล่าว

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เวลา 15.00 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เดินทางมาร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าในคดี น.ส.อัน หยู ฉิง หรือชาร์ลีน อัน ดาราสาวและเน็ตไอดอลชาวไต้หวันอ้างถูกตำรวจรีดไถเงิน 27,000 บาท พล.ต.ต.ธีรเดช เปิดเผยก่อนร่วมประชุมว่า ผบ.ตร.สั่งการมายัง บก.สส.บช.น.ให้เข้ามาร่วมคลี่คลายคดี หลังผ่านมาแล้วหลายวันแต่ยังไม่ชัดเจน สิ่งแรกที่ต้องทำวันพรุ่งนี้ (30 ม.ค.) คือ การประสานไปยังตำรวจกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ติดต่อ น.ส.อัน หยู ฉิง พร้อมเพื่อนรวม 4 คน เพื่อให้ปากคำอย่างเป็นทางการ ให้ชี้ชัดไปเลยว่าในวันเกิดเหตุตำรวจนายใดเป็นผู้เรียกรับผลประโยชน์ หากไม่สะดวกจะส่งตำรวจไทยไปบันทึกคำให้การถึงที่ เพื่อให้ได้ข้อมูลชัดเจนมากยิ่งขึ้น

พล.ต.ต.ธีรเดชกล่าวอีกว่า ในส่วนการตรวจสอบกล้องวงจรปิด

เบื้องต้นจากกล้องที่ตำรวจได้มามีเพียงภาพวงจรปิดระยะไกล ไม่สามารถชี้ชัดถึงตัวบุคคลหรือเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุได้อย่างชัดเจนว่า ตำรวจรีดไถเงินจริงหรือไม่ ส่วนเพื่อนชายทั้ง 3 คนที่เดินทางมาด้วยในวันเกิดเหตุขณะนี้ยังไม่ทราบว่า

ทั้งหมดเป็นใคร หรือยังอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ ขอประชาสัมพันธ์ไปยังทั้ง 3 คน ให้ช่วยมาให้ปากคำกับตำรวจด้วย จากการตรวจสอบเบื้องต้นเชื่อว่าชาย 1 ใน 3 คนที่เดินทางมากับดาราสาวชาวไต้หวันนั้น น่าจะเป็นไกด์นำเที่ยว แต่เมื่อถามถึงประเด็นบุหรี่ไฟฟ้า พล.ต.ต.ธีรเดช ไม่ได้ตอบ

ระหว่างนั้น พล.ต.ท. ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.เดินทางมาเป็นประธานการประชุมเผยสั้นๆว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลจากหลายหน่วย ตนสั่งการให้ไปหาข้อเท็จจริงให้ได้มากที่สุด ก่อนนำมารวบรวมและดูว่าข้อมูลที่ได้มามีความสัมพันธ์กันอย่างไร

หลังประชุมกว่า 2 ชม. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.ฐานะโฆษก บช.น.เผยว่า ขณะนี้สอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 10 คน แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจ 6-7 นาย คนขับแกร็บคาร์ คนขับรถแท็กซี่ และพยานจากสถานบันเทิงที่นักท่องเที่ยวสาวไปใช้บริการอีกจำนวนหนึ่ง เบื้องต้นยังไม่พบหลักฐานว่า มีการเรียกรับเงินตามถูกกล่าวอ้าง

ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบวัตถุพยาน ทั้งกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ กล้องหน้ารถของคนขับแกร็บ และกล้องคอมแบทคาเมร่าที่ติดตัวตำรวจ ทั้งหมดถูกส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานแล้ว เบื้องต้นยืนยันแล้วว่า กล้องหน้ารถคนขับแกร็บไม่สามารถกู้ไฟล์ภาพวิดีโอได้ถึงวันที่เกิดเหตุ เนื่องจากระยะเวลาผ่านเลยมานานกว่า 20 วัน แต่ส่วนอื่นอยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติม

“ผบก.น.1 สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่วันดังกล่าว และตรวจค้นพบบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย ยืนยันสามารถดำเนินคดีได้ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร และไม่มีใครยื่นบุหรี่ไฟฟ้าให้สาวชาวไต้หวันตามที่กล่าวอ้าง ส่วนเพื่อนผู้ชายอีก 3 คนขณะนี้พบว่าทั้ง 3 คนเดินทางออกนอกประเทศไปแล้วตั้งแต่วันที่ 5 และวันที่ 9 ม.ค. แต่ปลายทางไม่ใช่ที่เดียวกัน ขั้นตอนหลังจากนี้จะให้กองบังคับการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติประสานไปยังกระทรวงต่างประเทศ ขอความร่วมมือสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ให้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวันสอบปากคำหญิงสาวคนดังกล่าว หากตำรวจไต้หวันต้องการให้ตำรวจไทยร่วมสอบปากคำด้วยก็พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ไป ขอยืนยันว่า ไต้หวันไม่มีอินเตอร์โพล หรือเครือข่ายตำรวจสากล” โฆษก บช.น.กล่าว

ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath.co.th

ติดตามข่าวสารได้ที่ have-a-look.net